สวัสดีค่ะวันนี้เรามีเกร็ดความรู้ดีๆมาฝากสำหรับผู้ที่สนใจกันนะค่ะ มาดูเกร็ดความรู้ว่ามีอะไรกันบ้างที่ทำให้สวย
เป๊ะ อะไรที่ควรหลีกเลี่ยงนะค่ะ อยากรู้กันแล้วสิค่ะ เชิญอ่านกันได้เลย...
1. กินช๊อกโกแลต ทำให้เกิดสิว???
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาหรืองานวิจัยใดๆ
ที่สนับสนุนว่าความเชื่อดังกล่าวเป็นจริง
ในต่างประเทศได้มีการทดลองทฤษฎีนี้ โดยแบ่งคนเป็นสิวที่มีความรุนแรงเท่าๆ
กันออกเป็น 2 กลุ่ม ให้กลุ่มแรกงดกินช๊อกโกแลตเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม
ส่วนกลุ่มหลังให้กินช๊อกโกแลต 3 แท่งต่อสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลานาน 4
สัปดาห์ ผลการทดลองพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม
จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการกินช๊อกโกแลต เป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งไปกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นจริงเหมือนที่หลายๆคนเชื่อกัน...แต่ทำให้อ้วนได้แน่นอนเชียว ชัวส์เลยค่ะ
2. ค่า SPF ในครีมกันแดดยิ่งสูงยิ่งกันแดดได้ดีจริงป่ะ??
SPF
ย่อมาจาก Sun Protection Factor
เป็นค่าที่บอกว่าผิวของคุณสามารถทนต่อแสงแดดได้นานเท่าไหร่ โดยไม่เกิดผิวไหม้ เช่น ถ้าคุณไปตากแดดแล้วเกิดผิวไหม้ภายใน 15 นาที
หลังใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15
แล้วจะช่วยทำให้ผิวของคุณทนต่อการไหม้ของแดดได้นานขึ้นถึง 15x15=225 นาที
ส่วนค่า SPF
ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ผิวป้องกันแสงแดดได้มากขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เช่น SPF 30 กันแดดได้ 97% SPF 60 กันได้ 98-98.5% จะเห็นว่า SPF จาก 30
เป็น 60 ช่วยกันแดดได้เพิ่มขึ้นเพียง 1-1.5% เท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยมาก
ดังนั้น ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ จึงไม่ได้ดีกว่าเสมอไป
3. วิตามินและอาหารเสริมเพื่อเพิ่มความสวย
การรับประทานวิตามินและอาหารเสริม กลายเป็นกระแสนิยมไปแล้วในขณะนี้
เนื่องจากมีโฆษณาชวนเชื่อมากมาย
อ้างว่า สามารถทำให้ผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกได้
หากคุณอยู่ดี กินดีไม่ได้อดมื้อกินมื้อ วิตามินและอาหารเสริม
ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะการรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่และผักผลไม้สดๆ
ย่อมได้คุณค่าทางอาหารมากกว่าอยู่แล้ว แถมราคายังถูกกว่าอีกด้วย จริงไหมคะ??
4. สนไหม..สมุนไพรพอกหน้าให้ด่างดำ :D
การใช้สมุนไพรพอกหน้า
จากสถานเสริมความงาม หรือทำด้วยตัวเองต้องระวังมากเป็นพิเศษ
เพราะหากโชคไม่ดีแทนที่จะได้หน้าขาวใสกลับได้รอยด่างดำแทน
เพราะพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น มะนาว มะกรูด
มีสารที่ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบและรอยดำหลังจากสัมผัสสารนั้นแล้วไปตาก
แดด ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงดีกว่าค่ะ
5. ที่มาของปัญหาผิวแตกลาย
ผิวแตกลาย เป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยรุ่นที่โตเร็ว นักกีฬาเล่นกล้าม
หญิงตั้งครรภ์และโรคที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน
การที่ร่างกายมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ผิวหนังขยายตัวยืดตามไม่ทันจึง
เกิดเป็นรอยแผลย่นขึ้น
ระยะแรกผิวแตกลายมีสีแดงและจะกลายเป็นสีขาวออกวาวๆในระยะหลัง
การทายาในกลุ่มกรดวิตามินเออาจทำให้ดีขึ้นได้บ้าง
ส่วนการรักษาเลเซอร์ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
6. มอยส์เจอไรเซอร์จำเป็นมากขาดไม่ได้
มอยส์เจอไรเซอร์
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณซึ่งมีหลากหลายชนิดให้เลือก
ใช้ โลชั่นเหมาะสำหรับคนที่มีผิวผสมหรือผิวแห้งในบางพื้นที่
ครีมเหมาะกับคนผิวแห้งซึ่งควรเลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวอุดตันภายหลัง
ส่วนผิวแพ้ง่ายให้เลือกชนิดที่ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม และระบุว่าเป็น
Hypoallergenic
ใครที่หน้ามันอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เลยก็ได้
เพราะผิวมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว
7. ครีมกันแดดสำหรับวันที่มีแดดเท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่ารังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด สามารถทำให้ผิวหนังไหม้
เกิดริ้วรอย กระ ฝ้าและมะเร็งผิวหนังได้ มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่า
ถ้าแดดไม่ออกหรือเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่มีเมฆครึ้มหิมะตก
ก็ไม่ต้องทาครีมกันแดดซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
เพราะถึงแม้ว่าเมฆจะหนาทึบเพียงใด 80%
ของรังสีอัลตร้าไวโอเลตยังคงลอดผ่านลงมาอยู่ดี
หรือแม้แต่แสงจากไฟในห้องก็ตามค่ะ
8. ขนคุด ที่มาและวิธีกำจัด
ขนคุด เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ในรูขุมขน
ทำให้ขนไม่สามารถงอกออกมาได้อย่างปกติ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็ก ๆ
คลำแล้วรู้สึกสาก ๆ บริเวณที่พบบ่อยคือต้นแขนและต้นขา
ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ บางครั้งอาจมีการอักเสบร่วมด้วยทำให้เห็นเป็นตุ่มแดง
พบว่ามีความสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้ การทายาประเภทอนุพันธ์ของกรดวิตามิน AHA
หรือ BHA จะทำให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าหยุดก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้อีก
9. นอนผิดท่าใบหน้ามีริ้วรอย
เคยไหมคะว่า ที่คุณพบว่าใบหน้ามีรอยย่นหลังตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้า
หรือว่าร่องแก้มด้านหนึ่งมีรอยลึกมากกว่าอีกด้าน ริ้วรอยที่เกิดขึ้นนี้
มีผลมาจากการนอนในท่าที่มีการกดทับติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงที่เรียกว่า "สลีฟ ลายน์" คนที่ชอบนอนคว่ำหรือนอนตะแคงอาจเกิดรอยแบบนี้ได้มาก
หากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งประสบปัญหานี้ให้ลองฝึกนอนหงายดูนะคะ
เพราะการนอนหลับในท่านอนหงายจะดีที่สุดสำหรับผิวหน้าของคุณค่ะ
ข้อมูลจาก http://www.auengfah.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น